“When one has tasted watermelon he knows what the angels eat” - Mark Twain
ว่ากันว่า...เราพูดแตงโมติดกัน 3 ครั้ง “แตงโม แตงโม แตงโม” แบบธรรมดาๆ ไม่ได้ จริงไหมนะ?
เกือบร้อยทั้งร้อยต้องมีการเผลอใส่โน้ตสูงต่ำตามเพลงดังของลูกทุ่งสาวเสียงดี จินตหรา พูนลาภกันทุกที เพราะเพลงฮิตติดหู “แตงโมจินตหรา” นั้นชาว Gen X Gen Yรู้จักกันดี เรียกได้ว่าฮัมตามได้เกือบทุกคน
ในประเทศเมืองร้อนอย่างประเทศไทย แตงโมผลไม้ลูกกลม เปลือกเขียวสดใสเนื้อในสีแดงชุ่มฉ่ำก็เป็นผลไม้อันดับหนึ่งในใจหลายๆ คน วันนี้เราจะพาไปชมมหากาพย์เรื่องราวของแตงโมที่หลายคนยังไม่เคยรู้
นักเดินทางแห่งทะเลทราย
ย้อนกลับไปเมื่อ 5,000 ปีก่อน แตงโมมีต้นกำเนิดอยู่ในแถบตะวันออกเฉียงเหนือของทวีปแอฟริกา นักโบราณคดีสันนิษฐานว่าอียิปต์เป็นอารยธรรมแห่งแรกๆ ของโลกที่มีการปลูกแตงโมในเชิงเกษตรกรรม
อีกทั้งมีการค้นพบภาพวาดผลไม้ลูกกลมรีมีลายขวางวางอยู่บนถาดราวกับเป็นของบูชา ภาพวาดนี้ปรากฏอยู่ที่หลุมศพฟาโรห์ รวมถึงยังพบเมล็ดแตงโมอายุกว่า 5,000 ปีในลิเบียอีกด้วย
ทำไมแตงโมจึงเป็นผลไม้สำคัญในแถบทะเลทราย?
เหตุผลที่มีการเพาะปลูกแตงโมเป็นเพราะในผลแตงโมมีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก ในดินแดนทะเลทรายที่น้ำมีค่าดั่งทองคำ ผลไม้ที่มีน้ำปริมาณย่อมเป็นของล้ำค่า
นอกจากนี้แตงโมยังเก็บได้นานหลายสัปดาห์หรือเป็นเดือนในที่แห้งและไม่โดนแสงแดด จึงนับเป็นแหล่งน้ำชั้นเยี่ยมสำหรับนักเดินทางที่ต้องรอนแรมผ่านทะเลทรายที่ยากจะหาแหล่งน้ำดื่ม ในยามที่ต้องเดินทางไปยังดินแดนต่างๆ
เมื่อราว 2,000 ปีที่แล้ว แตงโมก็ได้ร่วมเดินทางมากับนักเดินเรือ ล่องเรือจากทางตะวันออกเฉียงเหนือของทวีปแอฟริกามุ่งหน้าสู่ยุโรป โดยมีจุดหมายอยู่ที่แถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ชาวยุโรปจึงได้รู้จักแตงโมนับตั้งแต่นั้น
มีการบันทึกถึงแตงโมอยู่ในคัมภีร์ของชาวฮิบรูโบราณ ตำราการแพทย์ของนักปราชญ์ชาวกรีก หนังสือพฤกษศาสตร์ของชาวอิตาลี แล้วแตงโมผลน้อยก็ค่อยๆ เดินทางไปยังที่ต่างๆ จนกลายเป็นผลไม้สำคัญอย่างหนึ่งของโลก
ไม่คุ้นหน้าค่าตา
ใครจะรู้ว่าแตงโมลูกโตๆ หวานๆ ในปัจจุบันนี้หน้าตาต่างจากคุณปู่ทวดแตงโมลิบลับ แตงโมยุคโบราณรสชาติจืดจนออกขม เนื้อแข็ง เปลือกหนา เนื้อสีเขียวอมเหลือง หน้าตาและรสชาติไม่คล้ายผลไม้รสหวานฉ่ำอย่างปัจจุบันเลยแม้แต่น้อย
ด้วยการสังเกตและปรับปรุงพันธุ์มาอย่างยาวนาน ในช่วงยุคกลางก็มีการค้นพบว่ายีนที่ทำให้เนื้อแตงโมมีสีแดงส่งผลต่อความหวานโดยตรง พูดง่ายๆ ก็คือยิ่งแดงยิ่งหวาน
ภาพจากตำราพฤกษศาสตร์ภาษาละติน Tacuinum Sanitatis ที่เผยแพร่ทางตอนเหนือของอิตาลีในช่วงปลายคริสตศตวรรษที่ 14 แสดงการเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวแตงโม ทำให้เราเห็นว่าแตงโมในยุคกลางนี้เริ่มมีเนื้อในสีแดงสดแล้ว
ไม่เพียงแต่ภาพในตำรา งานจิตรกรรมก็เป็นส่วนหนึ่งที่บันทึกประวัติศาสตร์ของแตงโมไว้ด้วย ภาพ Still life หรือภาพเหมือนของศิลปินยุคเรเนซองส์มีการถ่ายทอดภาพโต๊ะอาหารของคนชนชั้นสูงที่ประดับประดาไปด้วยผลไม้นานาชนิด เช่น ภาพของอัลเบิร์ต แอคเคาท์ (Albert Eckhout) เป็นภาพวาดเหมือนที่มีแตงโม สับปะรดและผลไม้ต่างๆ ใช้เทคนิคสีน้ำมันบนผืนผ้าใบ วาดขึ้นในปี ค.ศ. 1640
หรือภาพวาดของจูเซปเป้ เรคโค่ (Giuseppe Recco) ศิลปินชาวอิตาลี เป็นภาพเหมือนผลไม้นานาชนิด วาดขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1608–1672
แม้จะมีการปรับปรุงแตงโมให้มีสีแดงมากขึ้น แต่ลักษณะลวดลายเนื้อแตงโมในภาพจิตรกรรมยังมีลักษณะเป็นม้วนโค้ง ไม่ได้เรียบเนียน สีแดงสม่ำเสมอแบบแตงโมอย่างในปัจจุบันที่เราคุ้นตากันดี
เปิดสารานุกรมพันธุ์พืช
ขยับมาทางฟากฝั่งเอเชีย มีการบันทึกถึงแตงโมในสารานุกรมพรรณพืช เซอิเกะ ซึเซทสึ (Seikei zusetsu, 成形図説) สารานุกรมที่รวมภาพพันธุ์พืชไว้กว่า 143 หน้า เขียนขึ้นในช่วงปี 1793-1804 เพื่อมอบเป็นของขวัญแก่ฟิลิป ฟรานซ์ ฟอน ซีโบล์ด (Philipp Franz Von Siebold) จากบริษัทอินเดียตะวันออกของเนเธอร์แลนด์ (Dutch East India Company) ทำให้เห็นว่าการติดต่อการค้าทำให้แตงโมแพร่พันธุ์ไปทั่วโลก
ภาพาดลายเส้นแบบญี่ปุ่นแสดงให้เห็นลักษณะภาพนอกของแตงโม รวมถึงการผลิดอกและยอดอ่อน รวมถึงลักษณะของดอกที่วาดไว้อย่างละเอียดถี่ถ้วน เห็นแม้กระทั่งลายริ้วของเส้นใบ
ล่องมาถึงแคว้นแดนสยาม
แตงโมเข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่เมื่อไหร่ยังไม่มีใครทราบแน่ชัด แต่มีข้อสันนิษฐานว่าอาจจะมาพร้อมการเดินทางค้าขายของพ่อค้าจีน เพราะยังหลงเหลือร่องรอยในภาษาถิ่นใต้ในคำว่า “แตงจีน” ซึ่งหมายถึงแตงโม อาจเป็นการเรียกให้ต่างจากแตงที่มีอยู่ในท้องถิ่นอย่างแตงไทยหรือแตงร้าน
อย่างไรก็ตาม พบหลักฐานทางวรรณกรรมว่าในช่วงอยุธยาตอนกลาง ชาวสยามรู้จักแตงโมกันแล้ว หากใครเป็นแฟนเรื่อง “บุพเพสันนิวาส” อาจจะคุ้นหูกับชื่อหนังสือจินดามณีที่แต่งโดยพระโหราธิบดีในสมัยพระนารายณ์มหาราช เพราะเป็นพ่อของพระเอกอย่างหมื่นสุนทรเทวา และเป็นบิดาของกวีเอกแห่งยุคอย่างศรีปราชญ์
ในหนังสือจินดามณีมีกาพย์สุรางคณางค์บทหนึ่งที่แต่งขึ้นเพื่อช่วยในการจำลักษณะการแต่งฉันท์ โดยคำนึงถึงเสียงครุลหุหรือเสียงหนัก-เบา ดังนี้
เรากินแตง โม หนัก หนัก หนัก - คณะ มะ
ลูกไอ้กระ โต หนัก หนัก เบา - คณะ ตะ
ฉะเพาะเจาะ นาน เบา เบา เบา - คณะ นะ
ธค่อยอยู่ ไย เบา หนัก หนัก - คณะ ยะ
กูจะไคร่ ราญ หนัก เบา หนัก - คณะ ระ
ไม้ระพะ ภาน หนัก เบา เบา - คณะ ภะ
ฉิฉะสง สาร เบา เบา หนัก - คณะ สะ
แนะให้เกาะ ชาย เบา หนัก เบา - คณะ ชะ
เห็นได้ว่ามีการกล่าวถึงผลแตงโมในบทท่องจำของแบบเรียน จึงสันนิษฐานได้ว่าคนในยุคอยุธยาตอนกลางรู้จักแตงโมกันเป็นอย่างดี เพราะเป็นยุคที่มีการติดต่อค้าขายอย่างรุ่งเรืองกับนานาชาติทั้งเอเชียอย่างจีน อินเดีย เปอร์เซียและชาติตะวันตกอย่างฮอลันดา ฝรั่งเศส นับว่าเป็นยุคทองทางการค้าถึงขนาดมีการแต่งเรือสำเภาไปเข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เลยทีเดียว
แตงโม ผลไม้ลูกกลมเกลี้ยงที่ผ่านร้อนผ่านหนาวเดินทางไกลข้ามทวีป ผ่านช่วงเวลากว่าหลายพันปีจนได้เป็นเจ้าผลไม้สีแดงสดสวย รสชาติหวานฉ่ำคลายร้อนได้เป็นอย่างดี แถมอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ รู้แบบนี้แล้ว หากเห็นแตงโมเมื่อไหร่ก็อย่าลืมหยิบติดไม้ติดมือมาเสิร์ฟบนโต๊ะอาหารนะคะ
อ้างอิง
A 3500-year-old leaf from a Pharaonic tomb reveals that New Kingdom Egyptians were cultivating domesticated watermelon . bioRxiv The preprint server for biology
Harry S. Paris, Marie-Christine Daunay and Jules Janick. The Cucurbitaceae and Solanaceae illustrated in medieval manuscripts known as the Tacuinum Sanitatis. Annals of Botany
Shantonu abe chatterjee and Tinde van Andel. Lost Grains and Forgotten Vegetables from Japan: the SeikeiZusetsu Agricultural Catalog (1793–1804). Economic Botany
コメント